• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Joe524, April 05, 2023, 05:30:33 PM

Previous topic - Next topic

Joe524

1. ด้วยเหตุว่าพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอย่ างเดียว

พวกเรามิได้ดำเนินงานแล้วแฮปปี้ทุกวี่ทุกวัน บ่อยที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าถ้าเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะมีผลให้อารมณ์ดีขึ้น แล้วก็ เพิ่มความเชื่อมั่น ด้วยเหตุว่าการเฟลจากที่ทำงานส่วนมากมักทำให้เราท้อแท้ใจ รวมทั้งขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และ อีกเยอะแยะ


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนฝูงคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ตั้งใจจริงขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในขณะนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เรานับถือที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยพบในขณะที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน รอสั่งคนนู้นทีคนนี้หน แม้กระนั้นพอใช้ได้มองดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะไม่ได้ไง ทำไมน่ะเหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองหมั่นไส้แล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความนับถือด้วย หนำซ้ำอาจจะพาลกันเสียระบบการปกครองทั้งทีม


ถ้าเกิดให้ชี้แนะก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีมากกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนอัลธพาลบ้ า ง นิสัยก็ไม่เหมือนกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ ามองว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองในมุมที่ว่าหากเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

มิได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากไปเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่แค่ออกหน้าพูดมากแบบเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกภาพ

เพียงแค่เราเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจำเป็นต้องเอางานเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนใดที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ ามั่นใจในตัวเองเหลือเกินในโลกออนไลน์

หลายคนมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นหลักที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR ปัจจุบันนี้นอกเหนือจากที่จะมอง resume เราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของเราด้วย เพื่อนเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำเต็มตัว เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราคือไม่สัมผัสเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหากหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถอะ


หากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราที่พด้วย ด้วยเหตุว่า ส่วนมากคนภายในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่เขลา ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา พึงพอใจ ใส่ใจ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บทางวิ่งผู้อื่นมาอิจฉา

ตอนปีมานี้ เพื่อนฝูงพวกเราหลายคนเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตัวเอง ครั้งคราวเราเลื่อนดูหน้าเฟสรวมทั้งแอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็มิได้ดีมากยิ่งกว่าพวกเราหรอกเผลอๆเพื่อนพ้องผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งก็อาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็มิได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่เราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ควรจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ

โฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา รู้ดีว่าพวกเรากำลังจะทำอะไร รู้ว่าจุดหมายปลายทางเราต้องการอะไร รู้ว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูทางวิ่งคนอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราเอาจริงเอาจังกับชีวิตมากเพิ่มขึ้น แต่อย่ าเก็บมาตั้งใจจนกระทั่งกลุ้มใจพอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าเพิ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้หมายความว่า ให้พวกเราไม่ต้องจิรงจิตใจกับผู้ใดกัน แม้กระนั้น... มีความหมายว่า " พวกเราไม่ใฝ่ใจข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่

มีการเล่นพรรคเล่นพวก หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) จำนวนมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้มากนี่ห้ามเสียท่าเลยคะ มีคนคอยซ้ำมากมายเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่พวกเราดูว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่าง การที่เราดูแล้วทราบดีว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้เราได้เปรียบมากๆนอกจากวางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางคนที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่เคยรู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปทำงานกับคนไหน เพราะฉะนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความมุ่งมาดจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้สึกบีบคั้นสำหรับในการปฏิบัติงานสุดๆแต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าเรื่องมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกไปเรื่อยโดนด่าเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 มากมาย ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก แล้วก็ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะให้อภัยเราเสมอ ด้วยเหตุดังกล่าว ล้มเหลวไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามไม่เหมือนกันระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นยังไง ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และก็การหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันหมายความว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่แท้ใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากแค่ไหน


นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราเป็นไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อนพ้อง เพราะฉะนั้นวันๆเราก็เลยจะเจอเพียงแค่สหายร่วมทีม ซึ่งโดยมากรวมทั้งเป็นการคุยกันแค่เรื่องงานแค่นั้น

เราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลรวมทั้งเรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งเพื่อนผู้ร่วมการทำงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างนี้ เรารู้สึกว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ

เสวนาเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราทดลองถามตัวเองว่า "หากพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบเพื่อนพ้องจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " คืออะไร ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็คงจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาสหายในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเยอะแค่ไหน พวกเราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นเพียงแค่นั้น

และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่จริงใจคนนึงในออฟฟิศมันย ากขนาดไหน นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประเมิน เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนเงินเดือนอย่ างเราเป็นไปทำงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อนฝูง ด้วยเหตุดังกล่าววันๆพวกเราจึงจะเจอแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากรวมทั้งเป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนบุคคลและเรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และสหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ พวกเราคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ เสวนาเปลี่ยนความเซ็งดีแล้ว ให้เราทดลองถามตนเองว่า "หากพวกเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากบรรลุเป้าหมาย และก็ แฮปปี้ ควรเป็น " ลูกจ้างมือโปร " ให้ได้ พูดง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เพราะเหตุว่าลูกจ้างมือโปรก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " เราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงงานปริมาณหนึ่ง " นั่นถือได้ว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่ างจากเราแลกเปลี่ยนกับเงินเดือนนั้นๆ

พวกเราจะต้องทราบดีว่าบริษัทจ้างพวกเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีมากกว่าที่บริษัทมุ่งหวังหากอยากได้ความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ แม้งานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป


ควรจะหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเราสุขสบายแล้วก็ทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตนเองออกมาให้สูงที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังมีผลให้เราปรับปรุงตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าเกิดท้ายที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่เรารักรวมทั้งอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

และก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าแรงงานกระทั่งเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ต้องมีผลที่ดีตามออกมาด้วย เช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ขณะนี้เค้าเป็นยังไงกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นวันแล้ววันเล่า ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสุขของบิดามารดา
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/